gigle.ilmsg.in.th

Disciplined Entrepreneurship

"Disciplined Entrepreneurship: 24 Steps to a Successful Startup" เป็นหนังสือที่เขียนโดย Bill Aulet ซึ่งเป็นอาจารย์และกรรมการผู้จัดการของ Martin Trust Center for MIT Entrepreneurship ที่ MIT. หนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดว่าการเป็นผู้ประกอบการไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์หรือโชคช่วย แต่เป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ผ่านกระบวนการที่เป็นระบบและมีวินัย. Aulet ได้วางกรอบการทำงาน 24 ขั้นตอนที่ชัดเจนและเป็นลำดับ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่หรือแม้แต่ผู้มีประสบการณ์ สามารถนำไอเดียไปสู่การสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม.

แนวคิดหลัก:

  • การเป็นผู้ประกอบการคือทักษะที่เรียนรู้ได้: หนังสือเล่มนี้ท้าทายความเชื่อที่ว่าผู้ประกอบการต้องมีคุณสมบัติพิเศษมาแต่กำเนิด โดยยืนยันว่าการสร้างธุรกิจเป็นกระบวนการที่สามารถสอนและเรียนรู้ได้.
  • กระบวนการที่เป็นระบบ: แทนที่จะอาศัยสัญชาตญาณหรือความโกลาหล Aulet เสนอแนวทาง 24 ขั้นตอนที่เป็นระบบและมีระเบียบวินัย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสความสำเร็จ.
  • เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง: กระบวนการเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สร้างขึ้นตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง.
  • การทำซ้ำและปรับปรุง: กรอบการทำงานนี้สนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (MVP - Minimum Viable Product) เพื่อทดสอบกับลูกค้าจริงและนำผลตอบรับมาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง.

24 ขั้นตอนสู่ความสำเร็จของสตาร์ทอัพ:

กรอบการทำงาน 24 ขั้นตอนนี้ แบ่งออกเป็น 6 ธีมหลัก:

ธีมที่ 1: ลูกค้าของคุณคือใคร? (Who is your customer?)

  • ขั้นตอนที่ 1: การแบ่งส่วนตลาด (Market Segmentation): ระบุกลุ่มตลาดที่เป็นไปได้ทั้งหมด.
  • ขั้นตอนที่ 2: เลือกตลาดหัวหาด (Select a Beachhead Market): เลือกตลาดกลุ่มแรกที่มุ่งเน้นและมีโอกาสสำเร็จสูงสุด.
  • ขั้นตอนที่ 3: สร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ปลายทาง (Build an End User Profile): ทำความเข้าใจลักษณะทางประชากรและจิตวิทยาของผู้ใช้ในตลาดหัวหาด.
  • ขั้นตอนที่ 4: คำนวณขนาดตลาดที่เข้าถึงได้ทั้งหมด (Calculate the Total Addressable Market - TAM) สำหรับตลาดหัวหาด: ประเมินขนาดของโอกาสในตลาดแรก.
  • ขั้นตอนที่ 5: สร้างตัวตนลูกค้า (Profile the Persona) สำหรับตลาดหัวหาด: สร้างภาพตัวแทนลูกค้าในอุดมคติที่ชัดเจนและมีรายละเอียด.
  • ขั้นตอนที่ 6: กรณีการใช้งานตลอดวงจรชีวิต (Full Life Cycle Use Case): อธิบายว่าลูกค้าจะค้นพบ ใช้ และบอกต่อผลิตภัณฑ์อย่างไร.

ธีมที่ 2: คุณสามารถทำอะไรให้ลูกค้าได้บ้าง? (What can you do for your customer?)

  • ขั้นตอนที่ 7: กำหนดคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ระดับสูง (High-Level Product Specification): ร่างภาพรวมของผลิตภัณฑ์.
  • ขั้นตอนที่ 8: วัดคุณค่าที่นำเสนอ (Quantify the Value Proposition): แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์สร้างคุณค่าที่วัดผลได้ให้กับลูกค้าอย่างไร.
  • ขั้นตอนที่ 9: ระบุลูกค้า 10 รายถัดไป (Identify Your Next 10 Customers): ตรวจสอบว่ามีลูกค้ารายอื่นที่คล้ายกับ Persona หรือไม่.

ธีมที่ 3: ลูกค้าของคุณจะเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างไร? (How does your customer acquire your product?)

  • ขั้นตอนที่ 10: กำหนดแกนหลักของคุณ (Define Your Core): ระบุสิ่งที่คุณทำได้ดีกว่าคู่แข่งและยากต่อการลอกเลียนแบบ.
  • ขั้นตอนที่ 11: วางตำแหน่งทางการแข่งขัน (Chart Your Competitive Position): แสดงภาพตำแหน่งของคุณเทียบกับคู่แข่งในสายตาของลูกค้า.
  • ขั้นตอนที่ 12: กำหนดหน่วยการตัดสินใจของลูกค้า (Determine the Customer's Decision-Making Unit - DMU): ทำความเข้าใจว่าใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ.
  • ขั้นตอนที่ 13: วางแผนกระบวนการเพื่อให้ได้ลูกค้าที่จ่ายเงิน (Map the Process to Acquire a Paying Customer): ทำความเข้าใจขั้นตอนที่ลูกค้าต้องผ่านเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์.

ธีมที่ 4: คุณจะทำเงินจากผลิตภัณฑ์ได้อย่างไร? (How do you make money off your product?)

  • ขั้นตอนที่ 14: ออกแบบโมเดลธุรกิจ (Design a Business Model): กำหนดวิธีสร้างรายได้ (เช่น การสมัครสมาชิก, การขายครั้งเดียว). (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 15: กำหนดกรอบราคา (Set Your Pricing Framework): เลือกกลยุทธ์การตั้งราคาที่สอดคล้องกับคุณค่าที่มอบให้. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 16: คำนวณมูลค่าตลอดอายุการใช้งานของลูกค้า (Calculate the Lifetime Value - LTV) ของลูกค้าที่ได้มา: ประเมินกำไรทั้งหมดที่จะได้รับจากลูกค้าหนึ่งราย. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 17: คำนวณต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า (Calculate the Cost of Customer Acquisition - COCA): ประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการหาลูกค้าใหม่หนึ่งราย. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)

ธีมที่ 5: คุณจะออกแบบและสร้างผลิตภัณฑ์ได้อย่างไร? (How do you design & build your product?)

  • ขั้นตอนที่ 18: ระบุสมมติฐานสำคัญ (Identify Key Assumptions): ระบุสมมติฐานที่ต้องทดสอบเพื่อลดความเสี่ยง. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 19: ทดสอบสมมติฐานสำคัญ (Test Key Assumptions): ออกแบบและทำการทดลองเพื่อตรวจสอบสมมติฐาน. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 20: กำหนดผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริงขั้นต่ำ (Define the Minimum Viable Business Product - MVBP): สร้างผลิตภัณฑ์เวอร์ชันแรกที่มีฟังก์ชันหลักเพียงพอที่จะทดสอบกับลูกค้าและเก็บข้อมูล. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 21: แสดงให้เห็นว่าลูกค้าจะได้รับ "Aha!" Moment: ทดสอบ MVBP กับลูกค้าเพื่อดูว่าพวกเขาเข้าใจและได้รับคุณค่าจากผลิตภัณฑ์หรือไม่. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)

ธีมที่ 6: คุณจะขยายธุรกิจได้อย่างไร? (How do you scale your business?)

  • ขั้นตอนที่ 22: คำนวณขนาดตลาดโดยรวม (Calculate the Total Addressable Market - TAM) สำหรับตลาดถัดไป: ประเมินขนาดตลาดรวมสำหรับตลาดที่จะขยายไป. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 23: พัฒนาแผนผลิตภัณฑ์ (Develop a Product Plan): วางแผนการพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมสำหรับตลาดหัวหาดและตลาดถัดไป. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)
  • ขั้นตอนที่ 24: กำหนดกลยุทธ์การเติบโต (Define Growth Strategy): วางแผนการขยายธุรกิจในระยะยาว. (หมายเหตุ: บางแหล่งระบุขั้นตอนนี้แตกต่างกันเล็กน้อย)

ความสำคัญ:

หนังสือ "Disciplined Entrepreneurship" เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีวินัย การวางแผนอย่างเป็นระบบ และการทำความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง. แม้ว่า 24 ขั้นตอนนี้จะนำเสนอเป็นลำดับ แต่กระบวนการนี้ไม่ใช่เส้นตรง ผู้ประกอบการอาจต้องย้อนกลับไปทบทวนขั้นตอนก่อนหน้าเมื่อได้เรียนรู้ข้อมูลใหม่. กรอบการทำงานนี้เป็นเหมือนแผนที่นำทาง ช่วยให้ผู้ประกอบการลดความเสี่ยง จัดการทรัพยากรที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนและประสบความสำเร็จ.